บู๊เดือด! ซุปเปอร์บอน พบ เปรโตรเชี่ยน ในศึกที่ทุกคนรอคอย


ซุปเปอร์บอน ช็อกโลก! น็อค เปโตรเชี่ยน ก้านคอ คว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ
ในวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ซุปเปอร์บอน บัญชาเฆม สร้างประวัติศาสตร์ในวงการคิกบ็อกซิ่งเมื่อเขาช็อกโลก ด้วยการน็อคเอาท์ เปโตรเชี่ยน ยอดมวยอันดับ 1 ของโลก ในยกที่ 2 ของศึก Featherweight Kickboxing World Championship! ตั้งแต่เริ่มยกแรกทั้งคู่ก็ระดมการต่อสู้กันอย่างดุเดือด เปโตรเชี่ยนเดินเข้าหาด้วยหมัดขวาและแยบซ้าย ขณะที่ซุปเปอร์บอนใช้การเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด สวนกลับด้วยเข่าและหมัดตรงจนถึงช่วงท้ายยกแรก เมื่อเจ้าบอนแสดงท่าไม้ตายด้วยการดักเตะซ้ายตามด้วยเข่าซ้ายใส่เปโตรเชี่ยนอย่างงดงาม!
มาถึงยกสอง เริ่มต้นด้วยการบุกของเปโตรเชี่ยน แต่ซุปเปอร์บอนยังคงคุมเกมได้อย่างดี แม้ว่าเปโตรเชี่ยนจะพยายามจะแทงหมัดขวาตามสเต็ป 1-2 แต่เจ้าบอนหลบได้อย่างเฉียบขาด และในจังหวะที่เปโตรเชี่ยนเปิดการ์ด เจ้าบอนจับจังหวะได้พอดี สาดแข้งขวาแทงเข้าก้านคอของเปโตรเชี่ยนอย่างแรง! เปโตรเชี่ยนพยายามหลบแต่ไม่ทัน โดนเตะจนหงายหลับกลางอากาศ! ไม่มีการนับ น็อคเอาท์ทันที!
การชนะในครั้งนี้ทำให้ซุปเปอร์บอนก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกและสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ในวงการคิกบ็อกซิ่งที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก! เจ้าบอนยืนยันว่าเขามาเพื่อชัยชนะและจะไม่หยุดอยู่แค่ที่นี่ พร้อมกับตั้งเป้าเจอใครก็ได้ในรอบถัดไป โดยเฉพาะมารัต กริกอเรียน ที่เจ้าบอนเคยแพ้ให้ แต่ตอนนี้เขาพร้อมที่จะทวงแค้นและแก้มือ!
หลังจากการช็อกโลก เปโตรเชี่ยนต้องเข้ารับการผ่าตัดกรามที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแข้งขวาของซุปเปอร์บอนซัดเข้าก้านคอ! โดยล่าสุด เปโตรเชี่ยนได้โพสต์อัปเดตอาการว่า “ผ่าตัดกรามเรียบร้อยแล้ว ด้วยแผ่นเหล็ก 2 แผ่น ตอนนี้รู้สึกดีขึ้น ขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุน" ทั้งนี้ยังเป็นการหยุดสถิติไร้พ่ายของเปโตรเชี่ยนที่ยาวนานถึง 8 ปี ได้สำเร็จ!

วิเคราะห์บู๊เดือด! ซุปเปอร์บอน พบ เปโตรเชี่ยน
การพบกันระหว่าง ซุปเปอร์บอน บัญชาเฆม กับ จอร์จิโอ้ เปโตรเชี่ยน เป็นการจับคู่ที่คาดหวังไว้มากที่สุดในวงการคิกบ็อกซิ่ง เนื่องจากทั้งสองต่างมีสไตล์การต่อสู้ที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก การแข่งขันนี้ไม่เพียงแต่เป็นการทดสอบความสามารถของทั้งสอง แต่ยังเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ในวงการกีฬาอีกด้วย
1. ซุปเปอร์บอน: สไตล์การต่อสู้ที่มีความหลากหลาย
ซุปเปอร์บอน มีความพิเศษในการใช้ทักษะมวยไทยที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการใช้ เตะข้าง และ เข่าขวา ที่สามารถทำลายการป้องกันของคู่ต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซุปเปอร์บอนยังคงรักษาสมดุลระหว่างการโจมตีระยะไกลและการเข้าปะทะใกล้ เขามีทักษะในการคุมระยะห่างอย่างดี และรู้วิธีเลือกใช้จังหวะในการทำลายคู่ต่อสู้เมื่อเหมาะสม
ในไฟต์ที่เขาชนะเปโตรเชี่ยน ซุปเปอร์บอนได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความฉลาดในการเลือกจังหวะ ใช้การเตะขวาตัดหน้าหมดจังหวะเปโตรเชี่ยนและทำการโจมตีด้วยเข่าซ้ายตามมา ซึ่งเป็นการทำลายการป้องกันของคู่ต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. เปโตรเชี่ยน: "The Doctor" การชกที่เฉียบขาด
เปโตรเชี่ยน หรือที่รู้จักกันในฉายา The Doctor เป็นนักมวยที่มีทักษะและความแม่นยำในทุกรูปแบบการโจมตี การชกของเขามักมีความแม่นยำสูงและมักจะเป็นการโจมตีที่ทำให้คู่ต่อสู้ต้องหายใจไม่ทั่วท้อง โดยเฉพาะการ เตะตัดขา และ หมัดขวาตรง ที่รุนแรง เป็นจุดเด่นที่ทำให้เขาคุมเกมได้อย่างมีอำนาจ
ในการแข่งขันที่เขาพบกับซุปเปอร์บอน เปโตรเชี่ยนได้พยายามเข้าใกล้เพื่อใช้หมัดและเตะอันเฉียบขาดของเขา แต่เมื่อเขาต้องเจอกับความรวดเร็วและการต่อสู้ที่มีความหลากหลายจากซุปเปอร์บอน ทำให้เขาไม่สามารถจับจังหวะได้จนทำให้โดนซุปเปอร์บอนจับทางได้
3. การวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของทั้งสอง
ซุปเปอร์บอน มีความสามารถในการปรับตัวตามคู่ต่อสู้และรู้จักเลือกจังหวะในการโจมตี เขาสามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ที่มีการต่อสู้ระยะใกล้ได้ดี และใช้ทักษะมวยไทยในการชนะไฟต์หลายครั้ง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็อาจเจอปัญหาหากคู่ต่อสู้สามารถเข้าปะทะใกล้และรุกโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เปโตรเชี่ยน แม้จะเป็นนักมวยที่มีทักษะสูงและความแม่นยำในการโจมตี แต่ในบางครั้งเขามักจะประสบปัญหาเมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ที่สามารถเคลื่อนที่เร็วและเลือกจังหวะการโจมตีได้ดี เขามักจะยึดติดกับกลยุทธ์การเตะตัดขาและหมัดขวา จึงอาจจะเกิดปัญหาเมื่อเจอกับนักมวยที่รู้วิธีหลีกเลี่ยงการโจมตีเหล่านั้น
4. จุดตัดสินของการแข่งขัน
ไฟต์นี้จะขึ้นอยู่กับว่า ซุปเปอร์บอน สามารถใช้ความคล่องตัวและการปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การชกของ เปโตรเชี่ยน ได้หรือไม่ ในขณะเดียวกัน เปโตรเชี่ยน ต้องหาวิธีที่จะป้องกันการโจมตีของซุปเปอร์บอนและใช้เทคนิคที่คุ้นเคยให้ได้ผล ซึ่งทั้งสองต้องมีการจัดการกับอาการบาดเจ็บและสภาพจิตใจในการแข่งขันเพื่อให้สามารถคว้าชัยชนะได้
การพบกันระหว่าง ซุปเปอร์บอน บัญชาเฆม กับ จอร์จิโอ้ เปโตรเชี่ยน ไม่เพียงแต่เป็นการจับคู่ที่คาดหวังในวงการคิกบ็อกซิ่ง แต่ยังกลายเป็นการแข่งขันที่หลายฝ่ายจับตามองในแง่ของการเดิมพันกีฬาด้วย เพราะทั้งสองนักมวยมีชื่อเสียงในวงการและสถิติที่น่าประทับใจ ซึ่งทำให้การวางเดิมพันในไฟต์นี้กลายเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักพนันที่ต้องการทดสอบความสามารถในการทำนายผลการแข่งขัน
การพบกันของซุปเปอร์บอนกับเปโตรเชี่ยนจึงเป็นโอกาสที่ดีในการเลือกเดิมพันในประเภทต่างๆ เช่น การเดิมพันแบบมันนี่ไลน์ (Moneyline) ที่ทายว่าใครจะเป็นผู้ชนะ, การเดิมพันแบบโอเวอร์/อันเดอร์ (Over/Under) สำหรับจำนวนยก หรือแม้แต่ การเดิมพันระยะเวลาในการน็อค ซึ่งเป็นที่นิยมในวงการคิกบ็อกซิ่ง เพราะนักมวยทั้งสองต่างมีสไตล์การต่อสู้ที่สามารถสร้างการตัดสินใจในไม่กี่ยกได้
โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองนักมวยต่างมีจุดแข็งและความสามารถที่แตกต่างกัน การวิเคราะห์รูปแบบการต่อสู้และความได้เปรียบของแต่ละฝ่ายจะทำให้การวางเดิมพันมวยในไฟต์นี้ยิ่งท้าทายและน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับแฟนคิกบ็อกซิ่งและนักพนันกีฬา
รู้จักกับ "ซุปเปอร์บอน" แชมป์โลกผู้สร้างประวัติศาสตร์

"ซุปเปอร์บอน" หรือชื่อจริง นายศุภชัย หมื่นสังข์ เกิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2533 ปัจจุบันอายุ 31 ปี เขาคือหนึ่งในนักมวยที่มีชื่อเสียงในวงการมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งระดับโลก ด้วยทักษะการชกที่มีความเด็ดขาดและดุดัน ซุปเปอร์บอนเป็นนักมวยที่หลายคนยอมรับในฝีมือ การฝึกฝนที่ไม่หยุดหย่อน และความสามารถในการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม
เขาเริ่มต้นเส้นทางมวยตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยการฝึกซ้อมในค่าย "ลูกเจ้าแม่สายวารี" ของพ่อซึ่งมีเทรนเนอร์คนสำคัญคือ นายบุญธรรม สมพิศ แม้ว่าในช่วงแรกของการชก ซุปเปอร์บอนจะพ่ายแพ้ติดต่อกัน 5 ครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ และเริ่มฝึกฝนตัวเองจนสามารถเอาชนะในการแข่งขันได้
ในวัย 15 ปี ซุปเปอร์บอนได้ขึ้นเวทีมวยที่มีมาตรฐานระดับกรุงเทพฯ และต่อมาได้ย้ายเข้ามาฝึกซ้อมที่ค่าย "ต.เฉลิมชัย" ซึ่งทำให้เขาสามารถคว้าแชมป์ประเทศไทยรุ่นไลต์เวต 135 ปอนด์ได้ และยังเป็นรองแชมป์มวยรอบอีซูซุครั้งที่ 22 และรองแชมป์มวยรอบโตโยต้ามาราธอน
เส้นทางสู่วงการ MMA ของซุปเปอร์บอนเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาอายุ 23 ปี โดยย้ายมาอยู่กับค่าย "บัญชาเมฆ" ที่มีชื่อเสียงและได้รับการสนับสนุนจากบัวขาว ทำให้เขามีโอกาสแข่งขันในรายการต่างๆ จนสามารถคว้าแชมป์ "คุนหลุนไฟต์" และ "เอ็นฟิวชัน" มาครอง เริ่มมีชื่อเสียงในวงการมวยระดับโลก
ซุปเปอร์บอนมีสถิติการชกทั้งหมด 128 ไฟท์ ชนะ 92 ครั้ง ชนะน็อค 12 ครั้ง แพ้ 31 ครั้ง และในไฟท์ล่าสุดเขาคว้าแชมป์ "Featherweight Kickboxing World Championship" มาได้สำเร็จ สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในวงการมวยโลก!
รู้จักกับ "จอร์จิโอ้ เปโตรเชี่ยน" ยอดนักมวยผู้ถูกขนานนามว่า "The Doctor"

จอร์จิโอ้ เปโตรเชี่ยน หรือที่รู้จักกันในฉายา "The Doctor" เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2528 ที่ประเทศอาร์เมเนีย แต่ด้วยสถานการณ์สงครามที่เกิดขึ้นในประเทศ เขาต้องย้ายมาหลบภัยในประเทศอิตาลีในวัย 13 ปี กับครอบครัวของเขา โดยต้องอาศัยอยู่ในสถานีรถไฟและข้างถนน จนได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรการกุศล ซึ่งช่วยให้ครอบครัวของเขาพอมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม
ในวัยเด็ก เปโตรเชี่ยนมีความฝันอยากเป็นฮีโร่ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากนักบู๊ระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง “บรูซ ลี” และ “ฌอง-คล็อด แวนแดมม์” ซึ่งทำให้เขาหันมาสนใจเรียน Kickboxing เขาฝึกซ้อมด้วยตัวเองในศูนย์บรรเทาทุกข์ด้วยการพันหมอนเพื่อฝึกการต่อย จนในที่สุดได้พบกับศูนย์ฝึกมวยไทยในอิตาลีเมื่ออายุ 14 ปี ซึ่งเริ่มต้นเส้นทางมวยไทยอย่างจริงจัง
เปโตรเชี่ยนประเดิมไฟต์แรกเมื่ออายุ 16 ปี หลังจากฝึกมวยไทยมานานกว่า 2 ปี และต้องทำงานควบคู่ไปกับการเป็นคนงานก่อสร้าง ก่อนที่จะเริ่มได้รับการยอมรับในวงการ หลังจากที่เขาชนะนักมวยฝรั่งเศสในการชกคิกบ็อกซิ่งในปี 2547 ด้วยการน็อคในยกแรก ด้วยเทคนิคเตะตัดขาที่แม่นยำจนได้รับฉายา “The Surgeon” หรือ "ศัลยแพทย์" ก่อนที่จะกลายเป็น "The Doctor" ในภายหลัง
เปโตรเชี่ยนเดินสายชกมวยไทยทั่วยุโรปและคว้าแชมป์ในหลายรายการ ก่อนที่เขาจะหันไปชกคิกบ็อกซิ่ง และสามารถคว้าแชมป์ K-1 World MAX, แชมป์ Glory Slam Tournament และอีกมากมาย โดยมีสถิติการชนะกว่า 100 ไฟต์ และแพ้เพียงแค่ 2 ครั้ง
ในปี 2561 เปโตรเชี่ยนตัดสินใจเข้าสู่ ONE Championship และเปิดตัวด้วยการเอาชนะคู่ต่อสู้ชื่อดังอย่าง "โจ ณัฐวุฒิ" และ "เซราะกราว เพชรยินดีอะคาเดมี" จากนั้นเขาก็เข้าสู่การแข่งขัน "คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์" รุ่นเฟเธอร์เวต และคว้าเข็มขัดแชมป์ พร้อมกับเงินรางวัลมหาศาล 31 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ไฟท์ล่าสุดที่เขาพบกับ "ซุปเปอร์บอน" กลายเป็นการแพ้ครั้งที่สามที่เจ็บหนักที่สุดในชีวิตของเขา จนต้องเข้ารับการผ่าตัดกรามอย่างเร่งด่วน ทำให้การสูญเสียครั้งนี้กลายเป็นการสิ้นสุดสถิติไร้พ่ายในวงการคิกบ็อกซิ่งของเขา
บทความเกี่ยวข้องอื่นที่น่าสนใจ
บัวขาว บัญชาเมฆ: นักมวยไทยระดับโลกที่โดดเด่นในวงการ
ฉลอง 10 ปี ONE X ศึก MMA ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอเซีย
แสตมป์” คว้าชัยในศึก One Fight Night 2 ยังรั้งเบอร์ 1 MMA อะตอมเวต