สิงคโปร์เร่งขยายคาสิโนสู้ศึกเกมมิ่งเอเชีย ไทย-ญี่ปุ่นคือคู่แข่งใหม่ที่น่าจับตา

ผู้เชี่ยวชาญบทความการเดิมพันออนไลน์

“คาสิโนสิงคโปร์” ยังแข็งแกร่งในตลาดเอเชีย แม้ไทย-ญี่ปุ่นจ่อเปิดตัวรีสอร์ทคาสิโนระดับโลก
ท่ามกลางกระแสการแข่งขันในอุตสาหกรรมคาสิโนระดับภูมิภาค ธนาคารเพื่อการลงทุนระดับโลก มอร์แกน สแตนลีย์ ยังคงมองว่า “คาสิโนสิงคโปร์” ยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดเอเชีย แม้ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ไทย และ ญี่ปุ่น จะเตรียมเปิดตัว “รีสอร์ทคาสิโน” ขนาดใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยจุดแข็งด้านเสถียรภาพ ความปลอดภัย และการลงทุนต่อเนื่องของผู้ประกอบการรายใหญ่ สิงคโปร์ยังคงรักษาความเป็นศูนย์กลางด้านความบันเทิงและเกมมิ่งในระดับภูมิภาคได้อย่างมั่นคง
มอร์แกน สแตนลีย์ชี้ “คาสิโนไทย” คือคู่แข่งตัวจริงของสิงคโปร์ในอนาคตอันใกล้
แม้ญี่ปุ่นจะมีโครงการใหญ่ในการพัฒนารีสอร์ทคาสิโนระดับชาติ แต่ มอร์แกน สแตนลีย์ กลับมองว่า “ประเทศไทย” คือความท้าทายที่น่าจับตามองมากกว่า ด้วยเหตุผลทางภูมิศาสตร์ที่ใกล้ชิดกับสิงคโปร์ ทำให้กลุ่มนักพนันจากภูมิภาคอาเซียนอาจหันไปใช้บริการในไทยหากมีทางเลือกใหม่ที่สะดวกกว่า
นอกจากนี้ ไทยยังมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนที่ต่ำกว่า ทั้งในแง่ของการเดินทางและค่าครองชีพ หากสามารถวางระบบการกำกับดูแลที่เข้มงวดและสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความโปร่งใสได้ การเปิด “คาสิโนในไทย” อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมเกมมิ่งในอาเซียน
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวยังเผชิญแรงต้านจากภาคประชาชนในหลายพื้นที่ ขณะที่รัฐบาลไทยยังคงเดินหน้าศึกษาความเป็นไปได้ควบคู่ไปกับการวางแนวทางกำกับดูแลอย่างเข้มข้น ซึ่งหมายความว่า โครงการคาสิโนในไทยอาจต้องใช้เวลาอีกระยะก่อนจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

รีสอร์ทคาสิโนญี่ปุ่น “MGM Osaka” เดินหน้าสู่เป้าหมายเปิดตัวปี 2030
ญี่ปุ่นในฐานะประเทศเศรษฐกิจอันดับต้น ๆ ของโลก ได้อนุมัติโครงการ “MGM Osaka” บนเกาะยูเมะชิมะ เมืองโอซาก้า ซึ่งเป็นรีสอร์ทคาสิโนแห่งแรกของประเทศ โดยมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 1.27 ล้านล้านเยน หรือราว 8.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
รีสอร์ทแห่งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง MGM Resorts International และบริษัท Orix Corp ของญี่ปุ่น ซึ่งมีแผนเปิดดำเนินการในปี 2030 ภายใต้กรอบกฎหมายที่เปิดให้มี “รีสอร์ทครบวงจร” (Integrated Resort – IR) ได้สูงสุดเพียง 3 แห่งทั่วประเทศ
แม้โครงการ MGM Osaka จะมีขนาดใหญ่และได้รับการสนับสนุนจากทั้งรัฐบาลและเอกชน แต่ในทางปฏิบัติอาจไม่กระทบกับ “คาสิโนสิงคโปร์” โดยตรง เนื่องจากตลาดหลักของญี่ปุ่นจะเน้นลูกค้าในประเทศและนักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่เป็นหลัก แตกต่างจากสิงคโปร์ที่มีภาพลักษณ์เป็นศูนย์กลางของนักธุรกิจและนักลงทุนในระดับภูมิภาค
สิงคโปร์เร่งลงทุนเพิ่มใน Marina Bay Sands และ Resorts World Sentosa รับมือการแข่งขัน
เพื่อตอบรับกับความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาค สิงคโปร์จึงไม่หยุดนิ่งในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ “คาสิโนสิงคโปร์” โดยเฉพาะ 2 ผู้เล่นหลักอย่าง Marina Bay Sands และ Resorts World Sentosa ซึ่งต่างเดินหน้าขยายและยกระดับโครงการของตน
ในปี 2019 รัฐบาลสิงคโปร์ได้ต่ออายุสัมปทานให้แก่ทั้งสองผู้ประกอบการ เพื่อแลกกับการลงทุนรวมมูลค่ากว่า 9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นการ “เดิมพัน” ทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในการคงตำแหน่งผู้นำของอุตสาหกรรมคาสิโนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ล่าสุด Genting Singapore ผู้ดำเนินการ Resorts World Sentosa ได้ประกาศเปิดตัวโครงการ “RWS 2.0” พร้อมทั้งขยายโซนความบันเทิงและรีเทล เช่น “Singapore Oceanarium” ที่จะเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วน Marina Bay Sands ก็ได้ดำเนินการรีโนเวตห้องพักในโครงการเดิมอย่างสมบูรณ์ และเตรียมเข้าสู่เฟส 2 ของการพัฒนาโครงการในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

โครงการขยาย RWS 2.0 และ Singapore Oceanarium เสริมจุดขายด้านท่องเที่ยวระดับพรีเมียม
Genting Singapore ไม่เพียงแค่เน้นรายได้จากการพนัน แต่ยังพยายามวางตำแหน่งให้ Resorts World Sentosa เป็น “แหล่งท่องเที่ยวครบวงจร” ที่ตอบโจทย์ทั้งครอบครัวและนักท่องเที่ยวระดับพรีเมียม โดยการพัฒนาโครงการ RWS 2.0 ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันให้คาสิโนสิงคโปร์คงความสดใหม่และหลากหลาย
หนึ่งในไฮไลต์ของการขยายครั้งนี้คือการเปิดตัว Singapore Oceanarium ซึ่งเป็นการรีแบรนด์จาก S.E.A. Aquarium เดิม พร้อมยกระดับทั้งประสบการณ์และขนาดพื้นที่ เพื่อให้เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำระดับโลกที่ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงครอบครัวได้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการเตรียมเปิดพื้นที่รีเทลใหม่ภายใต้ชื่อ WEAVE รวมถึงโรงแรมหรูใหม่ The Laurus ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของเครือ The Luxury Collection ช่วยเสริมจุดแข็งให้รีสอร์ทกลายเป็น “Lifestyle Destination” ที่ครบเครื่อง ไม่ใช่แค่คาสิโน
อุตสาหกรรมคาสิโนยังดัน GDP สิงคโปร์ต่อเนื่อง พร้อมสร้างงานนับหมื่นตำแหน่ง
รายงานจาก มอร์แกน สแตนลีย์ ชี้ว่า อุตสาหกรรมคาสิโนมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจสิงคโปร์อย่างต่อเนื่อง โดยคิดเป็นสัดส่วน ประมาณ 1.5% ของ GDP และช่วยสร้าง งานโดยตรงกว่า 22,000 ตำแหน่ง พร้อมสนับสนุนอีก 40,000 ตำแหน่ง ในภาคบริการที่เกี่ยวข้อง
แม้การลงทุนในระยะสั้นอาจส่งผลให้ “ผลตอบแทนจากเงินลงทุน (ROIC)” ลดลงชั่วคราว แต่องค์กรวิเคราะห์ยังระบุว่า ผลตอบแทนในภาพรวมยังคงอยู่ในระดับ “สูงกว่าค่าเฉลี่ยสากล” โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากรายได้ของ Marina Bay Sands และ Resorts World Sentosa ที่สามารถสร้าง EBITDA รวมในปี 2024 ได้ถึง 2.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อประกอบกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของสิงคโปร์ การลงทุนต่อเนื่องในอุตสาหกรรมนี้จึงกลายเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่รัฐบาลใช้เพื่อส่งเสริมการเติบโตในระยะยาว และป้องกันผลกระทบจากการแข่งขันในภูมิภาค
บทสรุปข่าว สิงคโปร์เดินหมากรุก รับศึกคาสิโนเอเชียด้วยกลยุทธ์ระยะยาว
จากรายงานฉบับเต็มของมอร์แกน สแตนลีย์ที่ออกมาในช่วงที่สิงคโปร์เตรียมฉลองครบรอบ 60 ปีแห่งความเป็นรัฐชาติ เราจะเห็นได้ชัดว่า “คาสิโนสิงคโปร์” ไม่ได้พึ่งพาเพียงรายได้จากการเสี่ยงโชคเท่านั้น แต่ยังวางกลยุทธ์ระยะยาวที่เน้นความยั่งยืน ครอบคลุมไปถึงการท่องเที่ยว การลงทุน และการสร้างงานในภาคบริการ
แม้ “คาสิโนในไทย” และ “คาสิโนญี่ปุ่น” จะเป็นคู่แข่งสำคัญในอนาคต แต่ด้วยความได้เปรียบในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ สิงคโปร์ยังคงเป็น “สมรภูมิคาสิโนที่ทรงอิทธิพล” แห่งหนึ่งในเอเชีย