ยกเว้นภาษีคริปโท 5 ปี ดันไทยขึ้นฮับสินทรัพย์ดิจิทัลโลก

Saoware Sukjai
โดย Saoware Sukjai

ผู้เชี่ยวชาญด้านคาสิโนและซ็อฟแวร์คาสิโน

Updated 22 มิถุนายน 2568
Crypto tax exemption
ยกเว้นภาษีคริปโท 5 ปี ดันไทยขึ้นฮับสินทรัพย์ดิจิทัลโลก

ครม.ไฟเขียว "ยกเว้นภาษีคริปโต" ดันไทยขึ้นแท่นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลโลก

ประเทศไทยเดินหน้าสู่ยุคใหม่ของเศรษฐกิจดิจิทัล เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมาตรการ "ยกเว้นภาษีเงินได้จากกำไรการขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี" สำหรับบุคคลธรรมดา ในช่วงปี 2568–2572 เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลก โดยมุ่งส่งเสริมการลงทุนผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ภายใต้การกำกับอย่างเข้มงวดและโปร่งใส ทั้งยังสอดรับกับกรอบการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศของ OECD ถือเป็นนโยบายเชิงรุกที่สะท้อนวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาลอย่างชัดเจน

 มาตรการ “ยกเว้นภาษีคริปโต” จุดพลุไทยสู่การเป็น Digital Asset Hub

ในโลกที่สินทรัพย์ดิจิทัลกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงินกระแสหลัก ประเทศไทยแสดงให้เห็นถึงความกล้าและวิสัยทัศน์ล้ำหน้าอีกครั้ง ด้วยการออกมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากกำไรที่เกิดจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลคริปโต ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin, Ethereum หรือโทเคนดิจิทัลประเภทต่างๆ ที่ซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต.

มาตรการนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดนักลงทุนรายบุคคล แต่ยังส่งสัญญาณเชิงบวกต่อผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศ ว่ารัฐบาลไทยพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่และสนับสนุนระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม หากดำเนินการอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ก็มีศักยภาพสูงที่ไทยจะกลายเป็น “Digital Asset Hub” ของภูมิภาคและของโลกในอนาคต

เงื่อนไขยกเว้นภาษีคริปโต

เปิดเงื่อนไข "ยกเว้นภาษีคริปโต" ใครได้ประโยชน์บ้าง?

สิ่งที่ทำให้มาตรการนี้มีความน่าสนใจไม่ใช่แค่การ "ยกเว้นภาษี" แต่คือ "ขอบเขตของการยกเว้น" ที่เฉพาะเจาะจงและมีเป้าหมายชัดเจน โดยกำหนดให้เฉพาะ “กำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล” ที่เกิดจากการซื้อขายผ่านผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตภายใต้ พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 เท่านั้น จึงเป็นกลไกหนึ่งในการส่งเสริมให้การทำธุรกรรมเกิดขึ้นภายในระบบที่สามารถตรวจสอบได้

ผู้ที่ได้ประโยชน์หลัก คือ นักลงทุนรายย่อยและนักเทรดคริปโทที่ดำเนินการผ่าน Exchange ที่ถูกกฎหมาย ขณะเดียวกันก็นับเป็นข่าวดีสำหรับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ซึ่งจะได้เปรียบในการแข่งขันกับแพลตฟอร์มต่างประเทศ เพราะสามารถนำเสนอสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อภาษีมากกว่า

มาตรการนี้ยังอาจช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการจากต่างชาติเลือกเข้ามาจดทะเบียนดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกแรงผลักดันที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลไทยเติบโตในระดับสากล 🌐

โอกาสใหม่ธุรกิจไทยกับการระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัล

การยกเว้นภาษีในครั้งนี้ ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังเป็นการ “เปิดพื้นที่ใหม่” สำหรับการระดมทุนผ่านเทคโนโลยีโทเคนดิจิทัลอย่างมีนัยสำคัญ เพราะโทเคนดิจิทัลไม่เพียงเป็นสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุนของธุรกิจสตาร์ทอัพ ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่

ภายใต้กรอบกฎหมายของ ก.ล.ต. โทเคนดิจิทัลสามารถออกและเสนอขายได้ในรูปแบบที่โปร่งใส พร้อมการคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างรอบด้าน มาตรการภาษีใหม่นี้จึงมีแนวโน้มกระตุ้นให้เกิด “การระดมทุนผ่านโทเคน” มากขึ้นในประเทศ โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดทุนดั้งเดิมเพียงอย่างเดียว

นี่คือการเปิดประตูสู่โลกการเงินแห่งอนาคต ที่เงินทุนสามารถไหลเข้าสู่ธุรกิจไทยได้รวดเร็วและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้ระบบเศรษฐกิจเติบโตจาก “ฐานรากเทคโนโลยี” อย่างแท้จริง

ไทยเดินหน้าตามกรอบ CARF ของ OECD

ความโปร่งใสที่มากขึ้น ไทยเดินหน้าตามกรอบ CARF ของ OECD

อีกหนึ่งประเด็นที่เสริมความมั่นใจให้กับมาตรการนี้ คือการที่ประเทศไทยประกาศเดินหน้าปฏิบัติตาม “กรอบการรายงานข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลแบบอัตโนมัติ (Crypto-Asset Reporting Framework: CARF)” ซึ่งเป็นข้อกำหนดโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)

การดำเนินงานตามกรอบ CARF จะทำให้ข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลของนักลงทุนไทยสามารถแลกเปลี่ยนกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างมีระบบ เพิ่มความโปร่งใสและลดความเสี่ยงจากการฟอกเงินและการหลีกเลี่ยงภาษี ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้าง “ความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ” ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นหากไทยต้องการยืนอยู่แถวหน้าของเวทีสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก

ในบริบทนี้ นโยบายการยกเว้นภาษีจึงไม่ใช่เพียงมาตรการลดภาระภาษี แต่คือการส่งสัญญาณว่า “ไทยพร้อมและจริงจัง” ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินดิจิทัลให้เทียบเท่าสากล ✨

เส้นทางสู่รายได้ภาษี 1,000 ล้าน มาตรการที่อาจคุ้มค่ากว่าที่คิด

แม้ว่าการยกเว้นภาษีเงินได้จากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลจะทำให้รัฐ “สูญเสียรายได้” ในระยะสั้น แต่รัฐบาลเชื่อมั่นว่าในระยะปานกลางและระยะยาว ผลลัพธ์ที่ได้จะ “มากกว่าค่าที่เสียไป” อย่างชัดเจน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เปิดเผยว่า จากการประเมินผลกระทบของมาตรการภาษีนี้ คาดว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ภาษีให้รัฐไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทในระยะกลาง ซึ่งจะมาจากการขยายตัวของธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจเทคโนโลยี บริการทางการเงิน แพลตฟอร์มดิจิทัล และสตาร์ทอัพที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย

นอกจากนี้ มาตรการนี้ยังมี “ผลประโยชน์ทางอ้อม” ที่ไม่อาจวัดเป็นตัวเลขได้ในทันที เช่น การสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกของประเทศไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติ การสร้างงานในภาคเทคโนโลยี และการพัฒนาทักษะแรงงานด้านดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลต่อศักยภาพการแข่งขันของประเทศในระยะยาว

เมื่อพิจารณาในเชิงยุทธศาสตร์ การยกเว้นภาษีในวันนี้ อาจเป็น “ต้นทุนเพื่อการเติบโต” ที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง หากประเทศไทยสามารถคว้าโอกาสในการเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลของโลกได้สำเร็จ

แบ่งปันความคิดของคุณในความคิดเห็น
ต้องระบุข้อมูลทุกช่อง
บทความที่เกี่ยวข้อง

รับโบนัสเครดิตฟรีที่ดีที่สุด

ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารและโปรโมชั่นจากพันธมิตรคาสิโนออนไลน์และสปอร์ตบุ๊คของเรา

คุณสามารถยกเลิกการติดตามได้ทันทีที่คุณต้องการ

หากต้องการสมัครสมาชิกคุณต้องยืนยันว่าคุณมีอายุมากกว่า 18 ปี