MGM Resorts เรียกร้องไทยกำหนดภาษีคาสิโนแข่งขันได้-เปิดโอกาสคนไทยเข้าถึง

ผู้เชี่ยวชาญด้านคาสิโนและซ็อฟแวร์คาสิโน

MGM Resorts คือใคร? ยักษ์ใหญ่คาสิโนที่เล็งตลาดไทย
MGM Resorts International คือหนึ่งในผู้ให้บริการคาสิโนและรีสอร์ตแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสำนักงานใหญ่ในลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา และมีธุรกิจในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐ, จีน (มาเก๊า), และล่าสุดกำลังจับตามอง ตลาดคาสิโนไทย ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างร้อนแรง
สิ่งที่ทำให้ MGM เป็นชื่อที่ทุกคนต้องจับตามอง คือความเชี่ยวชาญด้าน Integrated Resort (IR) หรือรีสอร์ตบันเทิงครบวงจร ที่ผสมผสานคาสิโน โรงแรม ร้านค้า ความบันเทิง และศูนย์ประชุมเข้าไว้ด้วยกัน MGM ไม่เพียงแต่สร้างรายได้มหาศาลในแต่ละปี แต่ยังมีชื่อเสียงด้านมาตรฐานการจัดการ ความหรูหรา และระบบควบคุมความเสี่ยง เช่น การป้องกันปัญหาการพนันเกินควบคุมและการฟอกเงิน
รายละเอียดข้อเรียกร้องภาษีคาสิโนต้องแข่งขันได้ คนไทยต้องมีสิทธิ์เข้าถึง
Ed Bowers ประธานฝ่ายพัฒนาระดับโลกของ MGM Resorts ให้สัมภาษณ์กับ The Bangkok Post โดยเน้น 2 ประเด็นหลักที่รัฐบาลไทยควรพิจารณาหากอยากให้อุตสาหกรรมคาสิโนสำเร็จ:
✅ อัตราภาษีคาสิโนที่แข่งขันได้ — Bowers ชี้ว่าตัวอย่างเช่น สิงคโปร์ ที่เก็บภาษีสูงสุด 12% สำหรับผู้เล่นพรีเมียม และ 22% สำหรับผู้เล่นทั่วไป ถือว่าเป็นอัตราที่จูงใจนักลงทุน แตกต่างจากมาเก๊าที่มีอัตราเฉลี่ยสูงถึง 40% ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนลังเล
✅ การเข้าถึงของคนไทย — หากไทยใช้โมเดล “ต่างชาติเท่านั้น” เหมือนบางประเทศ เช่น เกาหลีใต้ อาจทำให้รีสอร์ตเหล่านี้ขาดรายได้หลักและไม่สามารถคืนทุนได้ Bowers แนะนำว่าการเปิดให้คนไทยเข้าใช้บริการภายใต้กฎเกณฑ์ควบคุมอย่างรัดกุม อาจเป็นทางออกที่สมดุลกว่า

บทเรียนจากสิงคโปร์และมาเก๊า อัตราภาษีที่ช่วยผลักดันอุตสาหกรรม
ตลาดคาสิโนในเอเชียมี สองตัวอย่างสำคัญ ที่ไทยสามารถเรียนรู้ได้ สิงคโปร์ เปิดตลาดคาสิโนในรูปแบบ Integrated Resort โดยกำหนดอัตราภาษีที่เหมาะสม (12–22%) ทำให้สามารถดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่ เช่น Marina Bay Sands และ Resorts World Sentosa ซึ่งไม่เพียงเพิ่มรายได้ภาษีมหาศาล แต่ยังยกระดับการท่องเที่ยวทั้งประเทศ
มาเก๊า แม้เป็นตลาดคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่การเก็บภาษีสูงถึง 40% บวกกับข้อจำกัดด้านนโยบาย ทำให้รายได้จากนักลงทุนลดลงเมื่อเทียบกับต้นทุนความเสี่ยงที่สูงขึ้น ยิ่งช่วงโควิด-19 ยิ่งสะท้อนความเปราะบางของโมเดลนี้อย่างชัดเจน
บทเรียนเหล่านี้บอกไทยว่า การออกแบบภาษีไม่ใช่แค่การหารายได้เข้ารัฐ แต่ต้องสร้างความสมดุลระหว่างภาครัฐและนักลงทุน เพื่อให้ทุกฝ่ายเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
วิเคราะห์เศรษฐกิจ ถ้าไทยกำหนดภาษีสูงเกินไป อุตสาหกรรมคาสิโนจะเดินหน้าได้หรือไม่?
ภาษีคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จในอุตสาหกรรมคาสิโน เพราะถ้ารัฐบาลเก็บอัตราที่สูงเกินไป นักลงทุนจะเริ่มมองหาตลาดอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า การลงทุนคาสิโนแบบ Integrated Resort ต้องใช้เงินมหาศาล บางโครงการแตะหลักแสนล้านบาท หากต้นทุนการดำเนินงานสูง (รวมถึงภาษี) แต่โอกาสคืนทุนต่ำ นักลงทุนอาจไม่เสี่ยงเข้ามา
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าโมเดลธุรกิจถูกออกแบบให้รับเฉพาะต่างชาติ (foreigner-only) รายได้จะยิ่งหด เพราะต้องอาศัยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งผันผวนตามปัจจัยภายนอก เช่น เศรษฐกิจโลกหรือโรคระบาด ดังนั้น การออกแบบระบบเศรษฐกิจรอบคาสิโน ต้องไม่เพียงมองเรื่องรายได้รัฐในระยะสั้น แต่ต้องพิจารณาความยั่งยืนและเสถียรภาพในระยะยาวด้วย

ความท้าทายในโมเดลต่างชาติเท่านั้น บทเรียนจากเกาหลีใต้
เกาหลีใต้เป็นตัวอย่างของการใช้โมเดลคาสิโนที่เปิดให้เฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้น เช่น INSPIRE Entertainment Resort ในเมืองอินชอน ซึ่งล่าสุดประสบปัญหาอย่างหนัก จนธนาคารเจ้าหนี้เข้าควบคุมกิจการ หลังผู้ถือหุ้นเดิม (Mohegan) ไม่สามารถทำตามเงื่อนไขทางการเงินได้
ปัญหาหลักของโมเดลนี้ คือความพึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบ 100% ทำให้รายได้ไม่มั่นคง โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดวิกฤต เช่น การจำกัดการเดินทางหรือความตึงเครียดทางการเมือง บทเรียนนี้ชี้ว่า หากไทยต้องการให้ Entertainment Complex เติบโตได้จริง อาจต้องออกแบบนโยบายที่ เปิดทางให้คนไทยเข้าถึงบางส่วน ภายใต้ข้อจำกัดและการควบคุมที่รัดกุม เพื่อเพิ่มฐานรายได้ในประเทศ
ความคิดเห็นเชิงนโยบาย ไทยควรออกแบบ Entertainment Complex อย่างไรให้สมดุล?
คำถามใหญ่คือ ไทยจะออกแบบ Entertainment Complex อย่างไรให้สมดุล?
✅ ฝ่ายรัฐต้องการรายได้ภาษีและการสร้างงาน
✅ ฝ่ายนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่คุ้มกับความเสี่ยง
✅ สังคมต้องการความมั่นใจว่าการเปิดคาสิโนจะไม่สร้างปัญหาใหม่ เช่น การพนันเกินควบคุมหรือฟอกเงิน
นั่นหมายความว่า นโยบายต้อง วางสมดุลหลายด้านพร้อมกัน เช่น ภาษีที่ไม่สูงจนไล่นักลงทุน การเข้าถึงที่อนุญาตบางส่วนให้คนไทย ภายใต้การควบคุมที่ชัดเจน การออกใบอนุญาตแบบมีเงื่อนไข เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหรือชุมชน
ถ้าทำได้สำเร็จ ไทยอาจไม่เพียงแต่ก้าวทันประเทศอื่นในตลาดบันเทิงครบวงจร แต่ยังกลายเป็น “โมเดลใหม่ของเอเชีย” ที่ออกแบบสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและความรับผิดชอบทางสังคมได้อย่างแท้จริง