ข้อเสนอภาษีใหม่อาจทำลายโครงสร้างตลาดพนันถูกกฎหมายของสหรัฐฯ

ผู้เชี่ยวชาญบทความการเดิมพันออนไลน์

ภาษีการพนันกีฬาสูงเกินไป อาจทำลายตลาดถูกกฎหมายในสหรัฐฯ
หลังคำตัดสินของศาลสูงสุดสหรัฐฯ ในปี 2018 ที่เปิดทางให้รัฐต่าง ๆ ออกกฎหมายรองรับการพนันกีฬาได้เอง ตลาดพนันถูกกฎหมาย ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันมีเกือบ 40 รัฐที่เปิดให้บริการ พร้อมยอดเงินเดิมพันรวมในปี 2024 ประเมินสูงถึง 150 พันล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 5.4 ล้านล้านบาท
ในช่วงเวลาที่ตลาดถูกกฎหมายกำลังสร้างความเชื่อมั่น กลับมีข้อเสนอจาก Bipartisan Policy Center ให้ขึ้นภาษี Sports Betting Excise Tax จาก 0.25% เป็น 5% ซึ่งจะเพิ่มภาระภาษีสูงถึง 1,900% และอาจส่งผลร้ายแรงกว่าที่คาดคิด
ภาษี Sports Betting Excise Tax
ภาษีการพนันกีฬาของรัฐบาลกลาง ปัจจุบันเก็บในอัตรา 0.25% ของยอดเดิมพัน (Handle) ซึ่งดูเผิน ๆ แล้วอาจเป็นตัวเลขที่เล็กน้อย แต่หากพิจารณาว่าในปี 2024 มีรายได้ภาษีจากส่วนนี้มากถึง 373 ล้านดอลลาร์ จะเห็นว่าเม็ดเงินนั้นไม่น้อยเลย และเติบโตจากเพียง 33 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 แบบก้าวกระโดด
การเรียกเก็บภาษีในลักษณะนี้ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1951 โดยในตอนแรกกำหนดอัตราไว้สูงถึง 10% เพื่อสกัดกั้นการพนันเถื่อนและอาชญากรรม แต่ในเวลาต่อมาได้ลดลงเหลืออัตราปัจจุบัน
ข้อเสนอปรับขึ้นภาษี รายได้ที่อาจแลกมาด้วยการผลักผู้เล่นกลับสู่ตลาดมืด
ถึงแม้ว่าภาษีที่เสนอจะมีเป้าหมายด้านสาธารณสุขและรายได้ภาครัฐ แต่เมื่อลงลึกในตัวเลขแล้ว พบว่าอาจให้ผลตรงข้ามกับเจตนารมณ์
สมมุติฐานหนึ่งระบุว่า หากผู้เล่นเดิมพันด้วยเงินรวม 2,200 ดอลลาร์ และหลังหักโปรโมชั่นแล้วเหลือรายได้จริง (Net Gaming Revenue) เพียง 55 ดอลลาร์ ภาษี 5% ของยอดเดิมพัน (Handle) จะคิดเป็น 110 ดอลลาร์ — เกินรายได้จริงเกือบ 2 เท่า!
การเก็บภาษีในลักษณะนี้ไม่ได้ลดพฤติกรรมการพนัน แต่กลับ ทำให้ผู้ให้บริการไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน และผู้เล่นอาจหันกลับไปหาตลาดมืดที่ไม่มีการควบคุมได้ในอนาคต
ผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อผู้ให้บริการและอุตสาหกรรมโดยรวม

การขึ้นภาษีแบบ “เหมารวมยอดเดิมพัน” (Handle Tax) แทนที่จะเก็บจากกำไรจริง สร้างความบิดเบือนทางโครงสร้างภาษี อย่างรุนแรงในอุตสาหกรรมที่มีมาร์จินต่ำเช่นนี้ ในหลายรัฐ เช่น นิวยอร์ก ที่มีการเก็บภาษีระดับสูงถึง 51% ของ Gross Gaming Revenue การรวมภาษีของรัฐกับภาษีใหม่ที่รัฐบาลกลางเสนอ จะทำให้ อัตราภาษีรวมพุ่งแตะ 90–200% ของรายได้จริง
นักวิเคราะห์จำนวนมากเตือนว่า อัตราภาษีสูงขนาดนี้จะทำให้ไม่มีผู้ให้บริการรายใดสามารถอยู่รอดได้ และผู้เล่นอาจจะสูญเสียทางเลือกที่ปลอดภัย โปร่งใส และถูกกฎหมาย ได้ในที่สุด
ความเสี่ยงที่แท้จริง ตลาดเถื่อนกลับมาและผู้เล่นตกอยู่ในความเสี่ยง
การขึ้นภาษีแบบก้าวกระโดดอาจไม่เพียงแค่ "ลดกำไร" ของผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้ ตลาดการพนันถูกกฎหมายทั้งระบบล่มสลาย เพราะผู้ให้บริการไม่สามารถอยู่รอดได้ซึ่งตรงข้ามกับเป้าหมายของนโยบายที่ต้องการให้ผู้เล่นย้ายจากตลาดมืดเข้าสู่ระบบที่มีการควบคุม การขึ้นภาษีจะย้อนแย้งและผลักผู้เล่นกลับเข้าสู่ระบบเดิมที่ไม่มีมาตรการปกป้องผู้บริโภค
นโยบายภาษีที่ยั่งยืนควรตั้งอยู่บนฐานข้อมูลและพฤติกรรมผู้บริโภคจริง

การออกแบบภาษีที่ดีต้องไม่เพียงมองที่ “รายได้ภาครัฐ” เท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึง พฤติกรรมผู้บริโภค ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบอีกด้วย ข้อมูลระบุว่า ผู้บริโภคในตลาดถูกกฎหมายได้รับคืนเฉลี่ย 91% ของเงินเดิมพัน ขณะที่ตลาดลอตเตอรี่ที่ไม่ต้องเสียภาษีรัฐบาลกลาง กลับคืนเงินเพียง 60–65% เท่านั้น
แต่กลับไม่มีข้อเสนอให้เก็บภาษีเพิ่มเติมจากลอตเตอรี่ สิ่งนี้สะท้อนถึง “สองมาตรฐาน” ทางนโยบาย ที่อาจขัดกับเป้าหมายการควบคุมและลดความเสี่ยงจากการพนันในเชิงสาธารณสุข
ทางเลือกนโยบายที่สมเหตุสมผล ยกเลิกหรือจัดสรรภาษีให้มีจุดหมายที่ชัดเจน
กลุ่ม Congressional Gaming Caucus เสนอให้ ยกเลิกภาษี 0.25% สำหรับตลาดถูกกฎหมาย อย่างถาวร เพื่อให้การพนันกีฬาถูกกฎหมายมีสถานะเท่าเทียมกับกิจกรรมอื่นที่ไม่ได้เสียภาษีนี้ เช่น ล็อตเตอรี่ สล็อต และโป๊กเกอร์ ในขณะเดียวกัน ร่างกฎหมาย GRIT Act เสนอให้คงอัตราภาษีเดิมไว้ แต่จัดสรร 50% ของรายได้ภาษี ไปยังโครงการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาจากการพนัน ซึ่งถือเป็นการใช้ภาษีให้เกิดประโยชน์ตรงกับวัตถุประสงค์ของนโยบาย
อย่าปล่อยให้ความโลภด้านภาษีทำลายระบบที่กำลังเดินหน้าได้ดี
ตลาดการพนันกีฬาในสหรัฐฯ ได้ผ่านกระบวนการปรับตัวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และสร้างระบบที่ปลอดภัย โปร่งใส และมีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างรอบด้าน การปรับขึ้นภาษีโดยไม่คำนึงถึงโครงสร้างรายได้และต้นทุนที่แท้จริง อาจทำลายทั้งระบบลงได้ในพริบตา ภาษีที่ดีควรสร้างแรงจูงใจให้คนอยู่ในระบบ ไม่ใช่ผลักคนออกไปนอกระบบอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต