ThaiBets365

นัดชิงยูโร ต้องลุ้นกันถึงจุดโทษกว่า อิตาลี จะได้แชมป์สมัยที่สอง

Thaibets365 Team
โดย Thaibets365 Team
หัวข้อต่างๆ
Thaibets365 Team
โดย Thaibets365 Team
italia win euroball 2020

นัดชิงยูโร2020 ต้องลุ้นกันถึงจุดโทษกว่า อิตาลี จะได้แชมป์สมัยที่สอง

สิ้นสุดกันไปแล้วกับมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่มุดในทวีปยุโรป  ซึ่งปีนี้คู่ชิงสมศักดิ์ศรีทั้งคู่เพราะผลงานของทั้งสองทีมนั้น  เห็นเป็นที่ประจักร์ตั้งแต่รอบคัดเลือก  อังกฤษที่มี "แกเร็ธ เซาธ์เกต" ส่วน อิตาลีที่มี "โรแบร์โต้ มันชินี่" ต้องบอกเลยว่าทั้งกุนซือทั้งสองคนนี้เข้ามาเปลี่ยน  ให้ทั้งสองทีมชาตินั้นเล่นได้ดุดันไม่ยึดติดกับสตาร์ดังๆ  พร้อมที่จะถ่ายเลือดใหม่ได้เสมอเพื่อให้มีรุ่นใหม่ขึ้นมารับใช้ชาติได้ทัน  กับเกมในนัดชิงเป็นอะไรที่สนุกและทำให้แฟนบอลของทั้งสองทีม  ลุ้นได้ต้้งแต่นาทีแรกจนยิงลูกโทษลูกสุดท้ายหลังจากที่เล่นกันไปถึง 120   

เพียงแค่สองนาทีแรกยังไม่ทันที่อิตาลีจะตั้งตัวได้  เสียงเชียร์ของแฟนบอลอังกฤษก็กระหึ่มไปทั่วสนามเวมบลีส์  จากการทำเกมในแดนหลังของลุค ชอร์จ่ายบอลให้ แฮร์รี่ เคนผ่านบอลให้ คีแรน ทริเปียร์ แบ็คซ้ายเปิดข้ามฝากตัดกองหลังเข้ากรอบเขตโทษ  แล้วก็เป็น ลุค ชอร์ มารอที่จุดนัดพบซัดด้วยซ้านแบบไม่จับเข้าไปตุงตาข่ายหาบวับ  เล่นเอานักแตะอิตาลีและกองเชียร์อิึ้งกันทั้งสนามว่ากูยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็โดนแล้วเหรอ  หลังจากนั้นอังกฤษก็ยังบุกกดดันอิตาลีได้เกือบ 10 กว่านาที  จนอิตาลีเริ่มเครื่องติดก็เริ่มขึงเกมและบุกเข้าใส่ฝั่งอังกฤษ  เกือบจะได้ประตูหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ผ่าน จอร์แดน พิกฟอร์ด นายทวารทีมชาติอังกฤษไปได้จบครึ่งแรก  สิงโตคำรามนำ 1 ประตู

goal ball

ครึ่งหลัง โรแบร์โต้ มันชินี่ แก้เกมเปลี่ยน คริสดันเต้ และ เบราร์ดี้ ลงมาทำเกมบุกกดดันอังกฤษเพิ่มขึ้นอีก  และก็มาประสบความสำเร็จ  จนนาทีที่ 66 ขุนพลอัซซูรี่ที่ได้ลูกแตะมุมเปิดเข้ามา  ลุกคลุคลิกกันที่หน้าประตูและก็เป็น เลโอนาโด้ โบนุชชี่ ปราการหลังสุดเก๋าเข้ามาซัดระยะไม่ถึง 5 หลาตุงตาข่ายหายวับเป็นแฟนบอลอังกฤษบ้างที่ตอนนี้  ได้ยิงแต่เสียงเชียร์ของแฟนอิตาลีดังทั่วสนาม  และรูปเกมต้องบอกเลยว่าอิตาลีเหมือนขึงพืดอังกฤษแบบพับสนามบุก  นานครั้งฝั่งสิงโตคำรามถึงจะได้สวนพอให้ลุ้นบ้าง  จนเข้าช่วง 10 นาทีสุดท้ายดูเหมือนขุนพลอัซซูรี่จะแผ่วไปทำให้อังกฤษกลับมาบุกกดดันอย่างหนักเหมือนในช่วงต้นเกมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้  จยจบเกมเสมอกัน 1-1 

ต่อเวลา ทั้งสองทีมก็ยังสลับกันรุกและรับได้อย่างสนุก  ได้ลุ้นทุกครั้งที่มีการบุก อังกฤษ คิดจะเปลี่ยนเกม ส่งแจ็ค เกรียลิส มาหวังเป็นจุดเปลี่ยนของเกมแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้มากเพราะลงมาในนาทีที่ 99  ดูรูปการณ์แล้วไปถึงจุดโทษแน่นอน เซาธ์เกตตัดสินใจส่ง มาร์คัส แรสฟอร์ด และ จาร์ดอน ซานโช่ ลงในนาทีที่ 120 เพื่อมายิงจุดโทษโดยเฉพาะ  จุดโทษ อิตาลยิงก่อน เบราร์ดี้ชัดตุงตาข่าย คนที่สอง เบร็อตติ พลาด  แต่อังกฤษยิงเข้าสองคนทั้งแฮร์รี่ เคน และ แมคไกว์  ตอนนี้แฟนบอลอังกฤษใจพองโตเลยคนที่สาม โบนุชชี่ และคนที่สี่ แบร์นาเดสคี แต่จอร์จิญโญ คนสุดท้ายยิงพลาด  และนัดนี้ต้องยกความดีให้ จันลุยจิ ดอนมารุมน่า ผู้รักษาประตูวัย 22 ปี  ที่ทำไปสามเซฟลูกยิงของสามคนสุดท้าย  มาร์คัส แรชฟอร์ด , จาร์ดอน ซานโช่่  ที่ถูกส่งมายิงจุดโทษโดยตรง  แต่คนที่ดูจะเป็นฝันร้ายที่สุดคือ บูกาโย ซากา นักแตะที่อายุน้อยที่สุดเพียง 19 ปี  ทำให้อิตาลีชนะจุดโทษไป 3-2 บวกกับกับในเวลาที่เสมอกัน 1-1 รวมแล้ว อิตาลี ชนะอังกฤษ 4-3 ในเกมนัดชิงคว้า แชมป์ยูโร2020 ที่สนุกที่สุด

โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลง อัซซูรี่ ให้ได้กลับมาชูถ้วยแชมป์

กับแชมป์ในปีนี้ที่เป็น "อิตาลี" บุคคลสำคัญที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้คือโค้ชที่ชื่อ โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้เข้ามาเปลี่ยน  ให้ขุนพลอัซซูนรี่นั้นเล่นกันได้อย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจเป็นที่สุด  กับการปรับเปลี่ยนตัวนักแตะแผนการเล่นรูปแบบในการบุก  เขาเข้ามาทำให้อิตาลีที่เคยเล่นแต่รับที่แข็งแกร่ง  มันโช่เริ่มเข้ามาคุมทีมตั้งแต่ปี 2018 ช่วงที่อิตาลีตกต่ำที่สุดก็ว่าได้  การปรับเปลี่ยนนักแตะที่มีความความเร็วและทักษะอย่าง 

italia meneger

สนามประสานในแดนหน้าให้เล่นกันได้อย่างลงตัว คิเอเซ่า , อิมโมบิเล่ , อินซินเย่ หรือ แบร์ราร์ดี้ ทำให้เกมรุกมีมิติในการเข้าทำมากขึ้น  การเติมเกมของวิงแบ็คทั้งสองข้างที่วิ่งขึ้นลงตลอดเวลา  ทำให้อิตาลีชุดนี้ดูน่ากลัวขึ้นมาทันทีบวกกับปราการหลังและโกลด์ที่เหนียวหนึบ  ทำให้ มันโช่ ง่ายกับการที่จะหยิบผู้เล่นมาใช้ในทุกตำแหน่ง  กับสถิติไร้พ่ายมากที่สุดในชาติยุโรปตอนนี้คือในรายการนี้ไม่แพ้ใครเลย 17 เกมติดแล้ว (รวมรอบคัดเลือก)  ลบสถิติที่เบลเยี่ยมทำใว้ 14 เกมเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ที่ทีมทำได้ในหนึ่งรายการด้วย  ซึ่งหากรวมตั้งแต่ปี 2018 ก็ทำสถิติไม่แพ้ทีมไหนติดกัน 34 เกมแล้ว 

และตอนสถิติไร้พ่ายก็เป็นรองเพียงแค่  1.บราซิล 35 นัด ปี 1993-1996 | 2.สเปน 35 นัด ปี 2007-2009 | 3.อิตาลี 33 นัด ปี 2018-ปัจจุบัน  และฟอร์มตอนนี้ของอิตาลีดูแล้วกับปู้เล่นชุดนี้ยังไปได้อีกไกล  ยังมีฟุตบอลโลกรออยู่ ภายใต้การคุฒทีมของ มันชินี่ กุนซื้อที่เข้ามาเปลี่ยนจากอิตาลีที่เล่นรับเหนียวแน่นและก็รอสวนกลับ  แต่กลับทีมแบบปรับเปลี่นนการเล่นใหม่เป็น 4-3-3  แถมยังให้วิงแบ็ตซ้ายขวาขึ้นเกมตลอดอีกด้วย  ทำให้ขุนพล อัซซูรี่ ได้ชูถ้วยแชมป์ในปีนี้  ท่ามกลางสถารการณ์โควิด 19 ที่กำลังระบาดซึ่ง อิตาลี เป็นหนึ่งในประเทศที่โดนหนักที่สุดเช่นกัน  แต่กระนั้นนักแตะและกองเชียร์ไม่เคยหมดกำลังใจ  เห็นได้จากทุกนัดที่แข่งกองเชียร์อิตาลีจะส่งเสียงแชียร์นักแข่งของพวกเขาเสมอ 

อิตาลี แชมป์ยูโร 2020 หอบถ้วยรางวัลกลับถึงบ้านเกิด

แน่นอนว่านี่คือความสำเร็จที่รอคอบมานานกว่า 53 ปี  ตั้งแต่ปี 1968  การเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ต้องมีที่บ้านเกิดอย่างแน่นอน  ล่าสุด โรแบร์โต มันชินี ผู้จัดการทีม และ จอร์โจ คิเอลลินี ปราการหลังกัปตันทีม ได้หอบหิ้ว "อองรี เดอโลเนย์ โทรฟี่" ถ้วยรางวัลชนะเลิศในฐานะทีมแชมป์ยูโร 2020  จากสนามเวมบลีสมาสู่ดินแดนมักโรนี โดยเครื่องบิน ณ กรุงโรม หลังจากที่ถึงที่หมายแล้ว ขุนพล "อัซซูรี" ก็เดินทางกลับเข้าไปที่ Parco dei Principi โรงแรมที่พักประจำทีมในกรุงโรม  โดยมีแฟนบอลมารอร่วมเฉลิมฉลองกันเป็นจำนวนมาก เลโอนาร์โด โบนุชชี กล่าวทิ้งท้ายกับถึงแฟนบอลอังกฤษใว้ด้วยว่า "พวกคุณยังต้องกินพาสต้ากันอีกเยอะนะ แม้พวกเขาจะอยากนำถ้วยแชมป์กลับสู่อังกฤษ แต่ท้ายที่สุดเราคือผู้ที่นำมันกลับสู่กรุงโรมโดยเครื่องบิน" 

italia team

ผลงานของทีมชาติ อิตาลี ในอดีตจนถึงปัจจุบัน  

นี่คือทีมชาติที่ประสบความสำเร็จมากในโลกทีมหนึ่งเลย  กับการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกรายการใหญ่ที่สุดถึง 4 สมัยในปี 1934, 1938, 1982 และ 2006  เป็นชาติแรกที่คว้าฟุตบอลโลกติดกันสองครั้งอีกด้วย  และกับถ้วยฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2 สมัยในปี 1968, 2020  รวมถึงยังได้เหรียญทองฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1936  หากดูจากผลงานแล้วนี่คือทีมที่ยิ่งใหญ่ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า  ทีมชาติอิตาลีทำไมถึงห่างหายแชมป์รายการเมเจอร์ใหญ่ตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา  ที่คว้าแชมป์โลก  อาจจะด้วยตอนนั้นนักแตะหลายคนก็ได้วัยที่จะเลิกเล่นทีมชาติแล้ว  และเริ่มมีการถ่ายเลือดใหม่แต่ก็ยังไม่ลงตัวเปลี่ยนมาหลายโค้ช  จนตอนนี้ โรแบร์โต้ มันชินี่ เข้ามาปรับจนลงตัวในทุกตำแหน่งและระบบที่เรียกคนใหม่เข้ามาติดทีมและ  เปลี่ยนให้อิตาลีเล่นรุกมากขึ้นจนแฟนๆต่าก็ชื่นชมว่าไม่ได้ดูน่าอึดอัดเหมือนแต่ก่อน  แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อจากทีมที่ถูกเรียกว่าจุดต่ำสุด  หลังไม่สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียได้  อีก 3 ปีผ่านมา “อิตาลี” กลับมาผงาดคว้าแชมป์ยูโร 2020 มาครองได้สำเร็จ!!

เพิ่ม บทความ

รับโบนัสเครดิตฟรีสุดคุ้ม

ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ จากคาสิโนออนไลน์และสปอร์ตบุ๊คจากพันธมิตรของเรา

คุณสามารถกดเลิกติดตามได้ทันที่ที่คุณต้องการ

ในการติดตามคุณต้องยืนยันว่าคุณอายุเกิน 18 ปี